นิทานเรื่องจริง ตำนานการลวง หลอกล่อ ลงหม้อตุ๋น
นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยนักล่า” (1)
อเมริกานักล่า ทำงานอย่างเป็นระบบ ไม่ใช่ทำวันนี้คิดพรุ่งนี้ หรือทำวันนี้แล้วค่อย ไปทบทวนแก้ไขกันใหม่เอาปีหน้าอย่างที่เรา ๆ ทำกัน เขาวางแผนล่วงหน้าทุกเรื่อง ทั้งระยะใกล้ เช่น แผนงานเฉพาะกิจ หรือระยะไกล 5 ปี 10 ปี 15 ปี จนถึง 25 ปี ฯลฯ เอกสารที่เขาออกมา คำพูดของฝ่ายรัฐบาลที่พูดออกมา มีความหมาย มีความนัยทั้งสิ้น
เราควรมาทำความรู้จักวิธีคิด วิธีวางแผนของนักล่ากันหน่อย มันอาจจะไม่ทำให้เราเข้าใจ หรือรู้จักนักล่าเต็มร้อย แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าไม่รู้เลย เมื่อมีข่าวเกี่ยวกับนักล่า โดยเฉพาะที่จะกระทบกับบ้านเราหรือไม่ เรายังพอติดตามวิเคราะห์เองได้ ดีกว่าจะแค่ฟัง อ่าน ดูเอาจากสื่อที่ถูกฟ้อกย้อมมา เช่น CNN BBC หรือข่าวใส่สีตีไข่ หรือข่าวประเภทเรื่องเล่าประจำวันของบ้านเรานั้น ซึ่งถ้างดดูได้ก็ดี เพราะยิ่งดูยิ่งทำให้เราบื้อ ครับ ถ้าเราขยัน ขวนขวาย ติดตาม ค้นคว้า ต่อไปเรื่อย ๆ เราอาจจะเห็นและเข้าใจวิธีการของนักล่าชัดเจนขึ้น และอาจสามารถช่วยให้บ้านเมืองเราพ้นจากการเป็นเหยื่อของนักล่าได้บ้าง บ้านเมืองเรากำลังมาถึงจุดสำคัญ เรากำลังพยายามให้มีการปฎิรูปประเทศ จะมีจริงหรือไม่และจะปฎิรูปได้มากน้อยแค่ไหน ปัจจัยภายนอกก็มีส่วนสำคัญ ช่วยกันดูแลบ้านเมืองของเรา คนละไม้คนละมือ
การทำงานของนักล่า ในเรื่องการล่าเหยื่อ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับประธานาธิบดีคนเดียว แต่มีหน่วยงานของรัฐที่ทำหน้าที่เหมือนเป็นมันสมอง วางแผนให้นักล่าอีกเพียบ คือ
- The National Security Council (NSC)
ซึ่งจะมีที่ปรึกษา เรียกว่า National Security Advisor (NSA) เป็นผู้กำกับคัดท้ายที่สำคัญ และเหตุการณ์ในโลกนี้ ที่เกิดขึ้นทั้งเลวทั้งร้าย ส่วนใหญ่เป็นผลงานของไอ้ตัวร้ายที่ทำหน้าที่เป็น NSA เกือบทั้งสิ้น ตัวอย่าง (ทั้งที่เคยเล่านิทานให้ฟังแล้ว และยังไม่ได้เล่า) NSA ที่มีชื่อติดอันดับความแสบหมายเลขต้น ๆ เช่น นาย McGeorge Bundy, นาย Walt W. Restow, นาย Henry Kissinger, นาย Zbigniew Brzezinski, นาย Brent Scowcroft ฯลฯ
นอกจากนี้ NSC จะมีหน่วยงานที่สำคัญ ที่ทำหน้าที่วางยุทธศาสตร์ คือ National Security Strategy (NSS) ถ้าอยากจะติดตามความเคลื่อนไหว และความคิดทิศทางของนักล่า ลองเริ่มต้นด้วยการอ่านรายงานของ NSS ซึ่งจะมีออกมาเป็นรายปี และบางทีก็ออกเป็นระยะ แล้วแต่ความจำเป็น รายงานนี้จะบอกอะไรเราได้พอสมควร อย่างน้อยก็เห็นทิศทางของนักล่า ซึ่งจะไปทางไหนตะวันออกหรือตะวันตกทำนองนั้น
- เมื่อมีการวางยุทธศาสตร์ออกมาแล้ว หน่วยงานของรัฐที่ต้องทำงานประสานกัน เพื่อให้ยุทธศาสตร์นั้น เป็นความจริงประสพผลสำเร็จ ซึ่งก็จะมีทีมงานตัวเก่งตัวแสบอีกเป็นร้อยเป็นพันจัดการตามแผนการ คือ
- State Department(กระทรวงต่างประเทศ)
- Defense Department(กระทรวงกลาโหม)
- Pentagon(หน่วยงานความมั่นคงของประเทศ)
- CIA(หน่วยงานข่าวกรองของประเทศ)
- หน่วยงานดังกล่าวข้างต้น จะรายงานต่อประธานาธิบดีและสภาสูง โดยประธานาธิบดีจะมีผู้ช่วย (ซึ่งในบางกรณี อาจจะสำคัญกว่ารองประธานาธิบดีเสียด้วยซ้ำ !) คือ Chief of Staff และ Joint Chiefs of Staff ซึ่งทำหน้าที่เลือก/กรองนโยบายต่าง ๆ เสนอต่อประธานาธิบดี
ส่วนสภาสูง จะมีหน่วยงานที่เรียกว่า Congressional Research Service ทำหน้าที่วิเคราะห์ทุกเรื่องที่จะส่งไปให้ สภาสูงพิจารณา โดยทำเป็นรายงานการวิเคราะห์อย่างละเอียด ส่งให้ก่อนการประชุมและเป็นเอกสารเปิดเผย (ที่ปิดผมยังหาไม่ได้ครับ) ไม่ใช่ส่งแต่กระดาษหน้าเดียวเขียนไม่กี่บันทัด หรือเขียนมัน 100 หน้า มีแต่น้ำ หรือใช้วิธีเข้าไปคุกเข่ายื่นโน๊ตสั้น ๆ ระหว่างประชุมสภาแบบบ้านเราทำ
- นอกจากนี้ยังมีหน่วยงานหรือสถาบันระดับสูงของเอกชนที่มีอิทธิพล ต่อแนวทางการล่าเหยื่อของนักล่า คือ พวกที่เรียกตัวเองว่า Think Tank (ถังความคิด) แต่ส่วนใหญ่ ถังพวกนี้ไม่ได้ มีแต่ความคิด แต่เป็นตัวการชักใยสร้างบท แต่งเรื่องรวมกำกับการแสดงและจัดหาตัวผู้มีหน้าที่บริหารประเทศด้วย แม้ตำแหน่งประธานาธิบดี ก็ไม่พ้นการจัดส่งและชักใยของ Think Tank ที่มีอิทธิพลสูง เช่น
- Council on Foreign Relations (CFR)
- The Bilderberg Group
- The Trilateral Commission
- The Centre for Strategic and International Studies (CSIS)
- The Brookings Institution
- The Rand Corporation
- The Carnegie Endowment for International Peace
- Atlantic Council
- The Asia Society
- The Group of Thirty
ฯลฯ
พวกถังความคิดเหล่านี้ บางพวกได้รับเงินสนับสนุนจาก Washington บางพวกได้จากมูลนิธิ Rockefeller มูลนิธิ Ford มูลนิธิ Carnegie รวมทั้งบรรดาบรรษัทข้ามชาติ ที่เป็นเครือข่ายของนักล่าและพวก NSA ที่มีอิทธิพล
think tank ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ประมาณ ค.ศ. 1970 เป็นต้นมา ส่วนใหญ่ เป็นเครือข่าย ที่เหล่านักยุทธศาสตร์ด้านนโยบายต่างประเทศ ที่ปรึกษาความมั่นคง (NSA) เช่น นาย Henry Kissinger, นาย Zbigniew Brzezinski, นาย Brent Scowcroft, นาย Josef Nye … เป็นผู้ก่อตั้งขึ้นมา หรือให้เด็กของตัวตั้งขึ้นมาแทบทั้งสิ้น กล่าวได้ว่า คนไม่กี่คนนี้เอง เป็นผู้มีอิทธิพลครอบงำ อเมริกามาตั้งแต่บัดนั้นถึงบัดนี้ ไม่ว่าอเมริกาจะเปลี่ยนประธานาธิบดีเป็นใคร และมาจากพรรคใด และคงไม่เป็นการเกินไปนัก ถ้าจะบอกว่าคนไม่กี่คนนี่แหละ มีอิทธิพลต่อโลกใบนี้มากเหลือเกิน !
source
https://www.facebook.com/68825895786925 ... permPage=1