ขณะนี้สหรัฐ ที่รับปากจะปกป้องและสร้างความมั่นคงให้กับประเทศอื่นทั่วโลกที่มีเงินซื้ออาวุธจากตนนั้น ภายในประเทศสหรัฐได้เกิด"ความไม่มั่นคง" ขนานใหญ่เสียแล้ว คือ "สงครามชิงนมผงเด็ก" เหตุจากสหรัฐ ไปคว่ำบาตรรัสเซีย ที่เป็นเจ้าพ่อส่งออกอาหารธัญพืชอันดับ 1 ของโลก จึงถูกรัสเซียสวนกลับไม่ขายอาหารธัญพืช และปุ๋ยให้ สหรัฐ และชาติที่ไม่เป็นมิตร จนนมผงเด็กในสหรัฐหมดเกลี้ยงบาตรเหลือแต่ขัน กะละมัง และกระป๋องนมเปล่า เพราะผู้ผลิตในประเทศขาดแคลนวัตถุดิบธัญพืชคุณภาพจากรัสเซียมาทำนมผง
สหรัฐ แม้จะมีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลก็จริง แต่ภูมิอากาศและดินไม่เหมาะสม รัฐบาลเองก็ไม่สนใจสนับสนุนอาชีพเกษตรกรรมเพาะปลูกอาหาร ปุ๋ยก็ขาดแคลน ที่ผ่านมาคิดง่ายๆ ว่ามีเงินเยอะเสียอย่าง สามารถพิมพ์เงินกระดาษไม่อั้นเอาไปซื้ออาหารวัตถุดิบธัญพืชจากต่างประเทศมาเท่าไรก็ได้ จึงมุ่งไปส่งเสริมทางอุตสาหกรรมสงคราม จนละทิ้งปัจจัย 4 พื้นฐานปากท้องประชาชน เมื่อรัสเซีย อินเดีย ไม่ขายอาหารให้ และยูเครน ก็ส่งออกธัญพืชไม่ได้ เคราะห์ซ้ำกรรมซัดซ้ำเมื่อทารก 4 คนเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลด้วยอาการติดเชื้อแบคทีเรีย และในจำนวนนี้เสียชีวิต 2 ราย
ภายหลังจากบริโภคนมผงบริษัท Abbott Laboratories บริษัทผู้ผลิตนมผงทารก ที่ผลิตในโรงงานสเตอร์กิส รัฐมิชิแกน จนต้องระดมเรียกคืนนมผงเลี้ยงทารกตั้งแต่วันที่ 17 ก.พ.65 ต้องหยุดการผลิตและปิดโรงงาน ระหว่างการสอบสวนของสำนักงานอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐฯ เมื่อรัฐไม่เคยมีแผนสำรอง คราวเคราะห์จึงตกกับประชาชนตนเอง และด้วยหน้าใหญ่ใจโต เอานมผงในประเทศไปให้คลังนมผงผู้อพยพที่ชายแดนแม็กซิโก-สหรัฐ จนล้นคลัง เงินงบประมาณมีเท่าไร ก็หอบเอาไปให้ยูเครนกู้ยืมซื้ออาวุธหมด
ส่งผลให้เกิดปัญหาขาดแคลนอาหารร้ายแรงเร่งด่วนที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ เป็นสงครามที่สุดอับอายของรัฐบาลสหรัฐ อย่างมากคือ "สงครามนมผงเด็ก" ขั้นวิกฤต พ่อแม่เด็กไม่เป็นอันทำอะไร ต้องคอยขับรถตระเวณหาซื้อนมผงเป็นระยะทางหลายกิโลเมตร แต่ทุกซุปเปอร์มาเก็ตก็ของขาดเช่นกัน ประชาชนต้องคิดสูตรการทำนมผงมั่วๆ กันเอง จนพบรายงานว่าทารกที่ป่วยจากนมสารพัดสูตรแปลกๆเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลกันระนาว จากความไม่ถูกสุขลักษณะ จนเจ็บป่วยท้องเสีย และขาดแร่ธาตุแคลเซียมต่ำ
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ได้สั่งการภารกิจลับ สำคัญยิ่งกว่าปฏิบัติการพายุทะเลทรายบุกอิรัก โดยสั่งให้ใช้เครื่องบินขนส่งทหารขนาดใหญ่ที่ใช้ลำเลียงอาวุธ ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐ จากฐานทัพในยุโรป ลำเลียง "นมผงเด็ก" มาจากประเทศผู้บริจาค บินด่วนเข้าในสหรัฐ โดยเยอรมนี บริจาคนมผงเลี้ยงทารก Nestlé จำนวน 1.5 ล้านกระป๋อง กว่า 32 ตัน บรรจุขึ้นเครื่องบินทหารในเมืองรัมสไตน์ ประเทศเยอรมนี บินเร่งเครื่องเต็มกำลังไปยังสหรัฐ ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ (ด่า) การแก้ปัญหานมผงเด็กที่พิลึกของรัฐบาลไบเดน
เขาภูมิใจวิธีแก้ปัญหาตามแบบของเขามากภายใต้ชื่อรหัสว่า “ปฏิบัติการขนส่งนมผง” เขาแถลงว่า "รับประกันนมผงเลี้ยงทารกจะ ถูกส่งตรงไปยังชั้นวางสินค้าในสหรัฐฯ เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้" แต่เขาไม่ได้ระบุวันที่แน่นอน และจำนวนเพียงเล็กน้อยนี้ไม่กี่วันก็หมดสต็อคลงอีกตราบที่ขาดแคลนวัตถุดิบธัญพืช , ด้านนายคลิเมนต์ โบเน ผู้แทนกระทรวงต่างประเทศฝรั่งเศส แถลงว่า "กรณีที่ยูเครนกรอกใบสมัครเข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (EU) นั้น มีขั้นตอนตรวจสอบคุณสมบัติใช้เวลายาวนาน อาจราว 15 - 20 ปี" ซึ่งหมดวาระประธานาธิบดีเซเลนสกี้ แห่งยูเครนไปนานมากแล้ว
สหรัฐ จึงละวางปัญหานมผงเด็กขาดแคลนในบ้านเอาไว้ก่อน แล้วสั่งการให้ใช้เครื่องบินทหาร ลำเลียงอาวุธยานยนต์หุ้มเกราะ M-113 ชุดใหม่จากฐานทัพ Fort Stewart รัฐจอร์เจีย สหรัฐ ไปยังลงที่โปแลนด์ เพื่อทะยอยแอบขนเข้ายูเครน แต่ที่อึ้งคือ ยานเกราะรุ่นนี้เป็นรุ่นตั้งแต่ยุค "สงครามเวียดนาม" ไม่มีใครกล้าใช้กันแล้ว เพราะมีฉายาว่า "โรงศพเคลื่อนที่" ตัวถังทำจากอลูมิเนียม ใช้จรวด RPG ประทับบ่ายิงอัดเข้าไปหัวระเบิดจะทะลุเข้าไประเบิดในตัวรถ ทหารอเมริกัน จึงไม่กล้าเข้าไปนั่งในรถรุ่นนี้ ขอนั่งบนตัวรถปลอดภัยกว่า ซ้ำร้ายสหรัฐ ไม่ให้ป้อมปืนติดตัวรถไปด้วย ให้แต่ตัวรถเปล่าๆ สนิมเขรอะอย่างเดียว เครื่องยนต์เก่ามากวิ่งได้สักพักก็พัง..แม้มีฐานทัพนอกบ้านไปทั่วโลกกว่า 750 แห่ง ก็แก้ปัญหาความไม่มั่นคงอาหารนมผงเด็กขาดแคลนวิกฤติในบ้านไม่ได้..จนสหรัฐ เกิดสงครามนมผงเด็ก ส่วนยูเครน ใช้อาวุธอลูมิเนียมกระป๋อง..ทั้งคู่กอดคอกันสู้ต่อไป วอดวายแน่นอน
ที่มา : Reuters , Bloomberg , TNNworld
#WorldUpdate
ปล. ครั้งที่โควิดระบาดก็ไปขโมยหน้ากากของเยอรมัน ช่างเป็นตำรวจโรคที่แสนดีอเมริกา
