18. อิหร่าน vs ซาอุ : คู่กัดตลอดกาล
ทำไมซาอุถึงได้ประหารชีวิตผู้นำศาสนาชีอะห์ (Nimr al-Nimr) ในที่ 2 มกราคมที่ผ่านมา ทำให้เกิดความร้าวฉานกับอิหร่าน และชาวชีอะห์อย่างกู่ไม่กลับ
มีเหตุผลสำคัญอีกประการหนึ่งในการชิงดีชิงเด่นกันระหว่างซาอุและอิหร่านคือผลประโยชน์บ่อน้ำมัน
ปรากฎว่าบ่อน้ำมันมีมากมายมหาศาลในอ่าวเปอร์เซียส่วนมากจะอยู่บริเวณที่ชาวชีอะห์อาศัยอยู่ทั้งนั้น แม้แต่ในซาอุเอง บ่อน้ำมันส่วนมากจะอยู่ทางภาคตะวันออกของประเทศ ซึ่งเป็นชุมชนใหญ่ของชาวชีอะห์
ด้วยเหตุนี้ ราชวงศ์ซาอุถึงเกรงกลัวว่า วันหนึ่งชีอะห์ที่อยู่ในซาอุจะแยกประเทศออกไป และเอาน้ำมันไปด้วย เพื่อไปเป็นพันธมิตรหรือส่วนหนึ่งของชีอะห์อิหร่าน
หลังจากที่อีแร้งบุกอิรักใน ปี ค.ศ.2003 เพื่อโค่นล้มซัดดัม ฮุสเซน ซึ่งเป็นตัวแทนของรัฐบาลสุหนี่ อิรักพังทั้งประเทศ พวกชีอะห์ขึ้นมามีอำนาจแทนสุหนี่ และอิหร่านค่อยถือโอกาสเข้าไปแทรกซึมในอิรัก อำนาจที่เพิ่มขึ้นของซีอะห์ในอิรักยิ่งจะเพิ่มความกลัวให้กับซาอุ
ผู้นำศาสนาชีอะห์ (Nimr al-Nimr) ที่ถูกประหารชีวิต เป็นผู้นำที่เรียกร้องความเป็นธรรมให้กับชีอะห์ที่อาสัญอยู่ในซาอุ ในปี ค.ศ.2009 เขาพูดว่า ชีอะห์ในซาอุจะเรียกร้องให้มีการแยกดินแดน ถ้าหากว่าราชวงศ์ซาอุไม่ดูแลความเป็นอยู่ หรือสิทธิของชาวชีอะห์ให้ดีขึ้น
Nimr al-Nimr อยู่ในเมือง (Awamiyya) ซึ่งอยู่ใจกลางของภูมิภาคที่อุดมสมบูรณ์ด้วยน้ำมันของซาอุ เมืองนี้อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของบาห์เรน ในปี ค.ศ.2011 ซาอุส่งทหารเข้าไปช่วยรัฐบาลบาห์เรนกวาดล้างการลุกฮือของชีอะห์ หรือที่เรียกกันว่า (Arab Spring) เนื่องจากการเชื่อมโยงกันของชุมชนชีอะห์ในบาห์เรนและซาอุ
การประหารชีวิตนิมร์ส่วนหนึ่งก็เพื่อที่จะสกัดความคิด หรือความพยายามใด ๆ ของชีอะห์ในซาอุที่จะคิดแยกประเทศ หรือเอาบ่อน้ำมันไปจากรัฐบาลซาอุ
แผนที่ที่นำมาประกอบเรื่อง ชี้ให้เห็นเรื่องความอ่อนไหวระหว่างสุหนี่ และชีอะห์ที่มาจากผลประโยชน์บ่อน้ำมัน
พื้นที่สีเขียวเข้มเป็นบริเวณที่ชีอะห์อาศัยอยู่ สีเขียวอ่อนคือบริเวณของสุหนี่ สีม่วงคือ วะฮาบีย์ (Wahhabism) / ซาลีฟี (Salafis) สีดำและสีแดงคือแหล่งน้ำมันและก๊าซ
Credit : https://theintercept.com/2016/01/06/one ... -conflict/
ถ้าหากชีอะห์ในซาอุแยกประเทศเป็นอิสระได้ พร้อมกับเอาบ่อน้ำมันและบ่อก๊าซไป ซาอุดิจะกลายเป็นเพียงประเทศที่มีแต่ทะเลทราย ล้มละลายไม่มีสมบัติอะไรเหลืออยู่เลยนอกจากอูฐ
thanong
8/1/2016
Credit : https://www.facebook.com/ThanongFanclub/?fref=nf