เทียบกันชัดๆ “ประเทศไทย” เคยหลงกล สหรัฐฯเหมือน “ยูเครน” ก่อนไหวตัวทัน กรุงเทพฯ จึงรอดปลอดภัยจากสงคราม!?

ภาพประจำตัวสมาชิก
admin
Administrator
Administrator
โพสต์: 13567
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. 21 พ.ค. 2015 12:14 pm
กลุ่ม: ผู้ดูแลระบบ

เทียบกันชัดๆ “ประเทศไทย” เคยหลงกล สหรัฐฯเหมือน “ยูเครน” ก่อนไหวตัวทัน กรุงเทพฯ จึงรอดปลอดภัยจากสงคราม!?

โพสต์โดย admin » จันทร์ 07 มี.ค. 2022 7:39 pm

เทียบกันชัดๆ “ประเทศไทย” เคยหลงกล สหรัฐฯเหมือน “ยูเครน” ก่อนไหวตัวทัน กรุงเทพฯ จึงรอดปลอดภัยจากสงคราม!?
FB_IMG_1646656704136.jpg
FB_IMG_1646656704136.jpg (53.18 KiB) เปิดดู 382 ครั้ง

ล่าสุดทางด้านของ ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ นักวิชาการชื่อดัง ได้ออกมาเคลื่อนไหวผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว เทียบครั้งประเทศไทย เคยเกือบเกิดสงครามแบบ ยูเครน รวมถึงความเป็นมิตรแท้กับจีน และการหักหลังของสหรัฐฯ โดยมีรายละเอียดว่า
.
ที่มาของสงครามสั่งสอน น้ำไกลดับไฟใกล้ไม่ได้ ไทยก็เคยพลาดเหมือนเซเลนสกี้และยูเครน
.
ครั้งหนึ่งไทยเคยเหมือนยูเครน คือเอียงไปทางอเมริกามากเหลือเกิน ยอมให้อเมริกามาตั้งฐานทัพสหรัฐอเมริกาในประเทศไทย เกิดลูก GI ข้าวนอกนามากมาย และเราเป็นฐานบินให้อเมริกันไปทิ้งระเบิดและทิ้งสารเคมีฝนเหลืองในลาว เวียดนาม กัมพูชา แต่สุดท้ายเวียดกงก็มุดดินสู้อย่างแข็งแกร่ง สุดท้ายเวียดนามใต้ก็แตก อเมริกันพ่ายแพ้สงครามเวียดนามกระเจิง กองทัพคอมมิวนิสต์เวียดนามก็ฮึกเหิมมาก จะบุกไทย
.
ไทยบ่ายหน้าไปขออเมริกามหามิตรให้ช่วย อเมริกาก็ไม่มีปัญญาช่วย น้ำไกลดับไฟใกล้ไม่ได้เลย สุดท้าย คุณชายคึกฤทธิ์บ่ายหน้าไปขอความช่วยเหลือจากจีน พบท่านประธานเหมา และทำให้เกิดสงครามสั่งสอน เวียดนามก็ไม่กล้าห้าวเป้งมาบุกไทยอีก
ในเวลานั้นหากไม่มีสงครามสั่งสอน ไม่ถึงสัปดาห์ กรุงเทพก็จะถูกกองทัพเวียดนามกรีธาทัพเข้ามายึดอย่างแน่นอน
*************************
บทความนี้มาจากไลน์ครับ
ผมขอพูดในฐานะที่ มีประสบการณ์ตรง ได้ยินเรื่องนี้ จากปากของท่าน หม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ปราโมช เมื่อครั้ง มาเยือน ประเทศอังกฤษ หลังจาก ลงจากตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีแล้ว ครั้งนั้นพวกเราเชิญ ท่านมาพูด ที่สามัคคีสมาคม โดยมี ท่านทูตแผน วรรณเมธี ซึ่งเป็นทูตไทย ในขณะนั้น มากับท่านด้วย
.
ท่านคึกฤทธิ์ บอกว่า American ไม่ได้ช่วยอะไรเราเลย แม้แต่อาวุธยุทโธปกรณ์ ที่ทิ้งไว้ เราขอก็ไม่ให้ เราซื้อก็ไม่ขาย ปล่อยให้ พังไปเอง ท่านคึกฤทธิ์บอกว่า อเมริกันเป็นเพื่อนที่เลวที่สุด นั่นคือเหตุผล ที่ท่านคึกฤทธิ์ ต้องไป ประเทศจีน ถ้าอยากรู้รายละเอียด มากกว่านี้ ผมยินดีเล่าให้ฟังครับ
.
เรื่องมี อยู่ว่าที่ประเทศอังกฤษ ในกรุงลอนดอน มีสมาคมเก่าแก่ ชื่อสามัคคีสมาคม เป็นสมาคมที่รัชกาลที่ 6 เป็นผู้ก่อตั้งขึ้น ตอนสมัยที่ท่านเป็นนักเรียน ที่ประเทศอังกฤษ ก็เลยกลายเป็น สมาคมคนไทยและนักเรียนไทย ที่เก่าแก่ที่สุด นักเรียนไทยที่อังกฤษ ส่วนใหญ่จะเป็นสมาชิก ของสมาคมนี้ ยิ่งในอดีตแล้ว นักเรียนที่มา ในระบบ กพ ทุกคน จะต้องเป็นสนาชิกสมาคนนี้
.
เมื่อหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ปราโมช มาเยือนอังกฤษ พวกเราทุกคน ก็เชิญท่านมาที่สมาคม เพื่อที่จะคุยกัน ในฐานะท่าน เคยเป็นอดีตสมาชิกของสมาคม มาก่อน ในระหว่างที่คุยกัน ในวันนั้น มีคนมาฟังกันมาก เต็มห้องสมุดของ สามัคคีสมาคมเลย แล้วก็ยังล้นออกมาข้างนอกอีก ในข้อสนทนา
.
มีช่วงหนึ่งที่เราถามท่านว่า ทำไม ท่านจึงตัดสินใจ ไปเยือนจีน ท่านก็เล่าให้ฟังว่า เมื่อท่านเป็นขึ้นมาเป็นนายก เวียดนาม บุกประชิดเขตแดน ของเราทุกด้าน ท่านดูแล้ว เราไม่มีทางออก ไม่มีทางเลือก นอกจากจะขอร้องจีน ให้ช่วยในเรื่องนี้
.
ในตอนแรก ท่านเรียกแม่ทัพนายกองทั้งหมด และถามว่า ถ้าเวียดนานบุกนี่ เราจะรับมือได้นานเท่าไหร่ แม่ทัพนายกอง พูดอย่างกวนๆ ว่า ได้แค่ 7 วัน ท่านตกใจมาก อะไร อาวุธยุทโธปกรณ์ที่เรามีทั้งหมดนี่นะ รับมือได้แค่ 7 วัน และอาวุธยุทโธปกรณ์ ที่อเมริกันทิ้งไว้เนี่ย ท่านก็ ทำหนังสือไปขอ จากรัฐบาลอเมริกัน เพื่อใช้ป้องกันตัวก็ ได้รับการปฏิเสธ ขอซื้อก็ไม่ขาย แล้วก็ปล่อยทิ้งไว้ให้มันพัง ตามธรรมชาติของมัน
.
ท่านจึงพูดในวงสนทนาว่า อเมริกันเป็นเพื่อนที่ใช้ไม่ได้เลย คบ ไม่ได้คนพวกนี้ ท่านจึงเรียก ท่านทูตแผน วรรณเมธี ให้เข้ามา แล้วท่านพูดกับท่านแผนว่า เราเห็นจะต้องไปเยือนจีนกันละ เพราะไม่เห็นทางออกอย่างอื่น ท่านทูตแผนตอนนั้น จึงจัดเจ้าหน้าที่กรุยทาง ที่จะไปเยือนจีน
.
การไปเยือนจีนสมัยนั้น ต้องผ่านทางฮ่องกง เมื่อไปถึงฮ่องกง นักข่าวต่างประเทศก็รุมถามกันว่า ท่านจะไปเมืองจีนทำไม เพราะทั้งที่รู้อยู่ว่า พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน เป็นตัวสนับสนุนพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ให้ก่อการร้ายอยู่ในขณะนั้น
.
ท่านเล่าให้ฟังว่า ตอนนั้นเราหน้าแตก เพราะต้องบากหน้า เพราะต้องไปพึ่งเขา แต่จะพูดตรงๆมันก็จะเสียเหลี่ยม ท่านจึงบอกว่า ผมเป็นตัวแทนของรัฐบาลไทย ไปเจริญสัมพันธไมตรีกับรัฐบาลจีน
.
ส่วนเรื่องพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน สนับสนุนพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย นั่นเป็นเรื่องของพรรคไม่เกี่ยวกับรัฐบาล เราเป็นตัวแทนรัฐบาลไม่เกี่ยวกับพรรค ทั้งๆที่รู้อยู่เต็มอก ว่าพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน ก็คือรัฐบาลจีน แต่ก็ต้องขายผ้าเอาหน้ารอดไปก่อน เมื่อไปถึงที่ประเทศจีน เขาก็ให้การต้อนรับเราอย่างดี แต่ก็ยัง ไม่แน่ใจว่า จะได้พบท่านประธานเหมาหรือเปล่า เพราะท่านประธานแก่มากแล้ว
.
ในวันต่อมา หลังจากที่ไปเยี่ยมตามสถานที่ต่างๆ ก็มีหนังสือด่วนมาว่า ประธานเหมา เปิดให้เข้าพบ ได้ประมาณ 20 นาที ทุกคนต่างตื่นเต้น เพราะเป็นเวลาที่สำคัญ ที่จะได้พบ
.
เมื่อไปถึง ท่านคึกฤทธิ์ กับพบว่า ท่านประธานเหมาถึงแม้ว่าแก่ชรามากแล้ว แต่ก็รู้เรื่องทุกอย่าง อย่างทะลุปรุโปร่ง ท่านเหมาเข้ามากอดท่านคึกฤทธิ์ แล้วบอกว่า ไอ้หนู เองตอบคำถามนักข่าวได้ดีมาก พร้อมกับตบหลังตบไหล่ อย่างเป็นกันเอง ท่านคึกฤทธิ์ ได้คุยกับท่านเหมา อยู่ถึง 2 ถึง 3 ชั่วโมง ทั้งที่หมายกำหนดการ แค่ 20 นาที
.
ในช่วงระหว่างนั้น ท่านก็ขอท่านเหมาว่า ขอให้ช่วยบอก พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ให้หยุดปฏิบัติการรุนแรง แต่ท่านเหมา บอกว่า เราสั่งเขาอย่างนั้นไม่ได้ แต่ที่เราจะทำได้ คือหยุด ส่งอาวุธและเสบียง เรื่องนี้ท่านรับปาก
.
ส่วนเรื่องเวียดนาม ท่านบอกว่า ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวจีนจะจัดการเอง ทั้งหมดนี้ ได้ยินจากปากของท่าน หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ปราโมช และผมก็ไม่ใช่คนเดียวที่อยู่ในที่ห้องสมุดนั้น มีคนอีกหลายคน ล้นออกมานอกห้องสมุดเลย รวมทั้ง ท่านทูต แผน วรรณเมธี ซึ่งเป็น ทูตไทยประจำประเทศอังกฤษ ในขณะนั้น และเป็นคน ที่กรุยทาง ให้ท่านคึกฤทธิ์ ไปเยือนจีน
.
ครั้งนั้น ทำให้เราเข้าใจว่า ไม่ว่าอย่างไร จีนก็ยังเป็นเพื่อน เพราะเชื้อสายที่ติดต่อกัน มาหลายชั่วคน แต่อเมริกา ไม่ใช่เลยถ้าไม่มีผลประโยชน์ เขาจะไม่เข้ามา เขาใช้เราเป็นฐานทัพ ไปโจมตีเพื่อนบ้านของเรา แต่ถึงเวลาถอย มันทิ้งเราเลย ไม่ช่วยแม้แต่อาวุธ นี่คือเรื่องทั้งหมด ที่ผมอยากจำได้ จนถึงทุกวันนี้
ท่านทูต แผน หลังจากเกษียณ ท่านได้ดำรงตำแหน่ง เลขาธิการ สภากาชาดไทย
.
อ่านต่อได้ที่ลิงก์ : https://truthforyou.co/90552/?anm=



ย้อนกลับไปยัง

ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: 1 และ บุคคลทั่วไป 0 ท่าน

cron