ปกป้องหรือทำลาย อันตรายจากภายใน เมื่อดึงศาสนาเข้าสู่เกมการเมือง

อันที่จริงแล้วก็ไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับเรื่องพระสงฆ์สักเท่าไรนัก เพราะตัวเองก็เคยกินข้าวก้นบาตรมาก่อน ครั้นจะนิ่งเฉยในยามที่พุทธศาสนากำลังมีภัย ถูกคนบางกลุ่มกำลังนำไปเป็นเครื่องมือทางการเมืองด้วยอิทธิพลของกระแสม็อบที่มีการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายจนลามเข้าสู่สถาบันสงฆ์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็มีความรู้สึกว่าตัวเองกำลังแกล้งทำเป็นเหมือนเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ซะงั้น ด้วยสำนึกกตัญญูรู้คุณต่อพระพุทธศาสนาจึงอยากจะเขียนอะไรเพื่อให้แง่คิด ให้สังคมได้รู้เท่าทันกระบวนการเคลื่อนไหวของคนบางกลุ่มซึ่งกำลังจะเป็นภัยต่อพระพุทธศาสนาบ้าง ให้กับใคร? ก็ให้กับสมาชิกแฟนเพจและท่านผู้อ่านทั้งหลายนั่นแหละครับ
ตอนนี้มีกลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อปกป้องพระพุทธศาสนาและพระเถระผู้ใหญ่ซึ่งเรียกตัวเองว่า "ตื่นเถิดชาวพุทธ - Wake Up Buddhist" เป็นเฟซบุคที่มีเป้าหมายโจมตีกลุ่มคนที่คิดจะปฏิรูปพระพุทธศาสนา พูดให้ชัดก็คือโจมตีคณะกรรมการปฏิรูปพุทธศาสนาในสปช.นั่นแหละ ซึ่งตอนนี้ก็ได้ระงับบทบาทและยกเลิกไปแล้วตั้งแต่เมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา แต่การเคลื่อนไหวโจมตีกันไปมาระหว่างทั้งสองฝ่ายนี้ก็ไม่ได้หยุดหย่อนหรือลดลงเลย โดยเฉพาะในโลกโซเชียลมีเดีย แต่ละกลุ่มก็มีทั้งเฟซและเพจเป็นของตัวเองซัดกันไปซัดกันมา แม้กระทั่งทุกวันนี้ก็ยังไม่หยุด
เอาที่มาก่อนเลยนะ สืบเนื่องจากคดีและกิจกรรมบางอย่างของธรรมโกยนี่แหละ จึงทำให้นักการเมืองฝ่ายฆราวาสที่ไม่ใช่แดงเผาไทยออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องให้มีการปฏิรูปพระพุทธศาสนา นั่นคือฉากหน้านะ แต่การเมืองก็คือการเมือง ขอพูดตรงๆเลยละกัน กลุ่มที่คัดค้านเขามองว่าคณะกรรมการชุดนี้กำลังจะเข้าไปมีส่วนแบ่งในเค้กก้อนใหญ่ๆนี้ในพระพุทธศาสนา จะเข้าไปตั้งกฎระเบียบให้ฆราวาสเข้าไปมีส่วนร่วมในการปกครองคณะสงฆ์ไทย ทั้งเรื่องการบริหารเงินทองทรัพย์สินภายในวัดต่างๆ นี่คือประเด็นหลักที่เขาต่อต้าน ซึ่งเมื่อมองตามท่าทีของสปช.กลุ่มนี้แล้วก็มีแนวโน้มว่าจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ
ต่อมาเมื่อเกิดกระแสต่อต้านคณะกรรมการปฏิรูปพระพุทธศาสนามากขึ้น ทางรัฐบาลก็เลยให้ยุบคณะกรรมการชุดดังกล่าวและถอยแผนปฏิรูปพระพุทธศาสนาออกมา เรื่องมันก็น่าจะจบลงตรงนี้แล้ว แต่ฝ่ายที่ออกมาคัดค้านหาได้หยุดอยู่แค่นั้นไม่ เพราะอะไร? ก็เพราะว่าแม้จะไม่มีการปฏิรูปพระพุทธศาสนาจากฝ่ายฆราวาส แต่คดีเกี่ยวกับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นที่ธรรมโกยมีส่วนพัวพันด้วนนั้นเป็นเรื่องของกฎหมายบ้านเมืองเห็นๆ ฝ่ายรักษากฎหมายของบ้านเมืองก็ต้องจัดการดำเนินการตามกระบวนยุติธรรมต่อไป ใครเกี่ยวข้องบ้างก็ว่ากันไปตามหลักฐานพยาน มันก็ทำให้บางคนเริ่มนั่งไม่ติดหละสิ ถึงได้ออกมาเคลื่อนไหวอยู่ในตอนนี้
ก่อนหน้านี้ คือช่วงที่กระแสต่อต้าน มส.และธรรมโกยกำลังมาแรงในโลกโซเชียลนั้น ก็มีการวิพากษ์วิจารณ์พระเถระผู้ใหญ่อย่างเสียๆหายๆมากมาย ก็เขาได้ข้อมูลมาอย่างนั้นเขาก็ว่าไปตามนั้น พวกที่เป็นลูกศิษย์ลูกหาก็ดาหน้าออกมาปกป้องพระเถระผู้ใหญ่บางรูปที่ถูกพาดพิงถึงมากพอสมควร ในโลกโซเชียลนี่ถล่มกันน่าดูเลยหละ แต่พักหลังนี้รู้สึกว่าฝั่งที่โจมตีธรรมโกยจะเพลามือลงหน่อย กลับกลายเป็นว่าฝ่ายที่ต่อต้านปฏิรูป (แต่ไม่เคยตำหนิพฤกรรมของธรรมโกยซักครั้ง) กลับรุกหนักซะงั้น ทำทั้งกราฟิกทั้งโพสต์ข้อความที่อ่านแล้วเหมือนกับไม่ใช่ข้อความที่เกิดจากสาวกของพระพุทธเจ้าอย่างนั้นแหละ มันไม่นำมาซึ่งศรัทธา ไม่นำมาซึ่งความน่าเลื่อมใส เป็นวาทกรรมทางการเมือง เต็มไปด้วยความเกลียดชัง (hate speech) รวมทั้งการพยายามบิดเบือนคำสอนในพระพุทธศาสนาเพื่อผลประโยชน์ในกลุ่มของตัวเองเป็นส่วนมาก
เช่นเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2558 เวลา 1.06 pm (บ่ายโมง) กลุ่มต่อต้านการปฏิรูปฯ ก็โพสต์ภาพกราฟิกมีข้อความว่า "ปฏิรูปศาสนาพุทธทำไม? ศาสนาพุทธ ไปทำอะไร ให้ใครเดือดร้อน" นี่… คำพูดแบบนี้อันตรายมาก จริงๆแล้วหากเขาจะปฏิรูปนั้นเขาไม่ได้ต้องการที่จะปฏิรูปตัวคำสอนในศาสนาพุทธหรอก เขาต้องการที่จะ "ปฏิรูปคน" ที่อยู่ในศาสนาพุทธต่างหาก ใช้คำว่า "คน" อาจจะฟังดูกว้างไป ในที่นี้หมายถึง "พระสงฆ์" นั่นแหละ แต่กลุ่มนี้ก็พยายามจะใช้คำพูดที่คลุมเคลือชวนให้คนอ่านหลงประเด็นและเข้าใจผิดได้ง่าย แล้วเกิดการต่อต้านกระแสปฏิรูปฯ
ต่อมาในวันเดียวนี้ คือวันที่ 5 เมษายน 2558 เวลา 3.06 pm (บ่ายสามโมง) กลุ่มนี้ก็ออกมาโพสต์คำพูดแบบที่ชวนให้คนทั่วไปเข้าใจผิดได้ง่าย ซึ่งพูดว่า "ปฏิรูปศาสนาคือปฏิรูปคำสอน คนระยำตำบอน บังอาจมาเปลี่ยนคำสอนของศาสนา" ประโยคแรกเขาพูดเองว่า "ปฏิรูปศาสนาคือปฏิรูปคำสอน" พิจารณาจากกรอบการปฏิรูปฯของคณะกรรมการสปช. มีอยู่เพียง 4 ข้อคือ 1.ศาสนสมบัติของวัดและภิกษุ 2.ปัญหาของพระสงฆ์ที่ไม่ปฏิบัติพระธรรมวินับ อันนำมาซึ่งความเสื่อมศรัทธา 3.เรื่องการทำให้พระวินับผิดวิปริตไปจากเดิม 4.ฝ่ายอาณาจักรที่ต้องเข้าไปสนับสนุนการปกป้องกิจการฝ่ายศาสนจักร นี่ไม่เห็นมีส่วนไหนที่บอกว่าจะไปปฏิรูปคำสอนในพระพุทธศาสนาเลยแม้แต่น้อย แนวทางทั้ง 4 ข้อนี้เป็นไปในลักษณะการออกกฎหมายควบคุมพฤตกรรมของพระสงฆ์ และฝ่ายฆราวาสพยายามจะเข้าไปเอี่ยวในเรื่องทรัพย์สินและผลประโยชน์ในวงการสงฆ์ต่างหาก เว้ากันซื่อๆอย่่างนี้แหละตรงดี
กลุ่มคนที่ออกมาเคลื่อนไหวในโลกออนไลน์ภายใต้ชื่อเพจว่า "ตื่นเถิดชาวพุทธ - Wake Up Buddhist" เป็นพวกที่นิยมแดงเผาไทย อันนี้ชัดมากดูได้จากเฟซของเขาโดยตรง มีการพยายามสอดแทรกเรื่องเสรีภาพ เรื่องประชาธิปไตยเข้ามาแบบเนียนๆด้วย เช่นภาพพระพุทธรูปกับอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยซึ่งไม่น่าจะเกี่ยวข้องกันเขาก็เอามาร่วมเป็นเรื่องเดียวกันจนได้ เท่าที่เป็นไปได้ตอนนี้คิดว่าน่าจะเป็นสองท่านนอกรีดแตกเหล่าจากมจร.ที่อยู่เบื้องหลังเพจนี้
ยิ่งพวกนี้ดิ้นมากเท่าไร ยิ่งไม่เป็นผลดีต่อมส.หรือพระเถระผู้ใหญ่บางรูปมากขึ้นเท่านั้น รวมทั้งภาพรวมของพระพุทธศาสนาด้วย อย่าคิดว่าการออกมาตอบโต้ในลักษณะนี้จะเป็นผลดีต่อเถระผู้ใหญ่เหล่านั้นนะครับ ไม่เลย เพราะว่ายิ่งพวกนี้ดิ้นมากเท่าไร ตอบโต้แรงขึ้นเท่าไร ภาพก็จะสะท้อนไปยังพระเถระผู้ใหญ่เหล่านั้นนั่นแหละว่าอาจจะมีส่วนรู้เห็นหรืออยู่เบื้องหลังของกลุ่มเคลื่อนไหวแถวหน้าเหล่านี้ก็ได้ แล้วสังคมจะคิดอย่างไร เมื่อผู้ใต้การปกครองออกมาแสดงพฤติกรรมไม่ต่างจากถ่อยเกรียนทำตัวเป็นนักเลงคีย์บอร์ดตอบโต้กับสังคมในทางที่ไม่สร้างสรรค์อยู่อย่างนี้ แม้ว่าพระเถะรผู้ใหญ่เหล่านั้นอาจจะไม่มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับพฤติกรรมของกลุ่มเคลื่อนไหวในโลกออนไลน์เหล่านี้ แต่ท่านก็ถูกดึงเข้ามาสู่เกมการเมืองเป็นเครื่องมือของพวกเขาไปแล้ว ฉากหน้าก็บอกว่าออกมาปกป้อง แต่จากวิธีการที่แสดงออกนั้นมันไม่น่าจะเป็นการปกป้องนะ จะออกแนวบ่อนทำลายจากภายในซะมากกว่า ย่ิงกลุ่มตื่นเถิดชาวพุทธฯ ออกตัวแรงมากเท่าไร ก็จะได้รับแรงโต้กลับจากสังคมมากขึ้นตามไปด้วย
กลุ่มนี้ไม่ได้เคลื่อนไหวเฉพาะด้านต่อต้านการปฏิรูปพระพุทธศาสนาเท่านั้น แต่ยังพยายามสร้างความขัดแย้งทางศาสนาขึ้นมาในสังคมไทยด้วย คล้ายกับกระบวนการสร้างความแตกแยกทางศาสนาให้เกิดขึ้นในยุโรปและอเมริกาในตอนนี้ คือกลุ่มต่อต้านอิสลาม เช่นพวกเพจิด้าที่ลุกลามไปทั่วยุโรปแแล้วตอนนี้ และพวกทวงคืนออสเตรเลีย ส่วนในบางประเทศในยุโรปก็มีพวกต่อต้านยิวออกมาเดินขบวนเช่นกัน สหรัฐฯพยายามทำโพลล์ที่ทำให้ชาวคริสต์รู้สึกว่ากำลังจะถูกคุกคามโดยประชากรของชาวมุสลิมที่เพ่ิมมากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับมีจุดประสงค์เพื่อให้เกิดการต่อต้านมุสลิม สื่อฯของเขาก็พยายามนำเสนอภาพความรุนแรงจากฝีมือของคนในกลุ่มประเทศอาหรับอยู่บ่อยๆ ภาพเหล่านี้จะเป็นการช่วยเติมเชื้อไฟในการลุกฮือต่อต้านศาสนาอื่นและนำมาซึ่งการกระทบกระทั่งกันระหว่างศาสนิกชนของศาสนาต่างๆในที่สุดได้ไม่ยาก
กลุ่มตื่นเถิดฯ ก็พยายามเล่นตามกระแสนี้เช่นกัน เขาพยายามทำให้พุทธและอิสลามขัดแย้งกัน เกิดการต่อต้านอิสลามจากชาวพุทธในบางพื้นที่ ต่อต้านแม้กระทั่งโครงการสร้างโรงงานอุตสาหกรรมอาหารฮาลาลในภาคเหนือ แต่พวกนี้ไม่เคยต่อต้านการส่งคนงานไทยที่ไปทำงานที่ซาอุดิฯ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือประเทศอื่นๆในตะวันออกกลางเลย แปลกไหม? แต่พอจะมีการสร้างโรงงานที่เปิดโอกาสการสร้างงานให้ชุมชน พวกนี้กลับยกเรื่องศาสนาขึ้นมาอ้าง เราใช้น้ำจากตะวันออกกลาง ก็ไม่เห็นพวกนี้ออกมาต่อต้านนะ ทักแม้วหนีตายไปอยู่ดูไบก็ไม่เห็นพวกนี้ออกมาคัดค้านว่าอย่าไปอยู่กับพวกอิสลามในตะวันออกกลางเลย พิลึกแท้
หากพระเถระผู้ใหญ่ยังเพิกเฉยต่อพฤติกรรมของพระสงฆ์บางรูปใต้ปกครองในลักษณะนี้แล้วยังปล่อยให้ออกมาเพ่นพ่านสร้างความปั่นป่วนให้กับสังคมอยู่ในโลกออนไลน์อย่างนี้ ไม่รีบจัดการห้ามปรามโดยเร็ว จะมาโทษ ม.44 เชือดลิงให้ไก่ดูไม่ได้นะครับ ก็เคยเตือนกันแล้วว่าคนของท่าน ท่านก็ควรจะดูแลกันเองให้ดี แต่เมื่อคนของท่านออกมาบิดเบือนข้อมูล คำสอนในศาสนา ปลุกปั่นยุยงความแตกแยกให้เกิดขึ้นในสังคมแบบนี้ ซึ่งอาจจะเข้าข่ายผิดพรบ.คอมพิวเตอร์ก็ได้ แล้วท่านไม่สนใจ ถ้าอย่่างนั้นฝ่ายดูแลความสงบสุขของบ้านเมืองก็คงจะต้องเข้าไปจัดการซักวันแล้วหละ ถึงตอนนี้อย่ามาร้องโอดครวญในภายหลังนะ ส่วนพวกที่เข้าไปกดไลค์ ส่งต่อ แชร์ต่อให้กับเพจนั้นระวังจะเข้าข่ายผิดพรบ.คอมพิวเตอร์นะ ถูกจับขึ้นมา จะทำให้เสียเงินเสียทอง เสียอนาคตได้นะ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือนกัน
The Eyes
09/04/2558

บทความ

ปกป้องหรือทำลาย อันตรายจากภายใน เมื่อดึงศาสนาเข้าสู่เกมการเมือง

ปกป้องหรือทำลาย อันตรายจากภายใน เมื่อดึงศาสนาเข้าสู่เกมการเมือง

ผู้ใช้งานขณะนี้