https://vk.com/theeyesproject
Facebook Page : Active
https://www.facebook.com/fisont" />

สหรัฐฯเปิดหลักฐานใหม่สงสัยเอฟบีไอปกปิดข้อมูลซาอุดิอาระเบียมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ 9/11

ปอกเปลือก ทรราช .
ทันข่าวสาร ทันโลก รับรู้ข่าวสารต่างๆที่สื่อบ้านเราไม่ค่อยได้นำเสนอกัน
เปิดโลกทัศน์ในการรับรู้ข่าวสารจากทั่วทุกมุมโลก ทันข่าว ทันโลก ทันเหตุการณ์ ตีแผ่เรื่องราวทุกๆเรื่องราวที่มีความไม่ชอบมาพากลที่เกิดขึ้นในทุกๆมุมของโลก
https://vk.com/theeyesproject
Facebook Page : Active
https://www.facebook.com/fisont
ภาพประจำตัวสมาชิก
admin
Administrator
Administrator
โพสต์: 13796
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. 21 พ.ค. 2015 12:14 pm
กลุ่ม: ผู้ดูแลระบบ

สหรัฐฯเปิดหลักฐานใหม่สงสัยเอฟบีไอปกปิดข้อมูลซาอุดิอาระเบียมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ 9/11

โพสต์โดย admin » พฤหัสฯ. 21 พ.ค. 2015 5:38 pm

ว่าจะเล่าข่าวนี้ให้ฟังตั้งแต่วันที่ 14 เม.ย.ที่ผ่านมาแล้วครับ แต่ยุ่งๆอยู่กับงานสงกรานต์และข่าวอื่นๆอยู่ก็เลยข้ามไปก่อน เกือบลืมแหนะ พึ่งนึกขึ้นได้เห็นว่าน่าสนใจจึงนำมาเล่าให้ฟัง ตรงไหนหรือ? ก็ตรงที่ซาอุดิฯออกยอมออกโรงถล่มเยเมนด้วยตนเองนี่นะสิครับ แต่สหรัฐฯเป็นผู้ให้การสนับสนุนทางด้านเทคนิคอยู่เบื้องหลัง อันที่จริงต้องบอกว่าเป็นผู้สั่งการอยู่เบื้องหลังถึงจะถูกนะ
ข่าวเขาว่าอย่างนี้ครับ รายงานการตรวจสอบครั้งใหม่บอกว่า สำนักงานสืบสวนกลางของสหรัฐฯกำลังเผชิญข้อกล่าวหาที่ว่ากำลังปิดบังการเชื่อมโยงของซาอุดิฯกับเหตุการณ์โศกนาตกรรมการก่อการร้ายโจมตีสหรัฐฯ 9/11 ในปี 2001
หลังจากที่ใช้เวลาตรวจสอบอยู่หลายปี คณะกรรมการทบทวนการตรวจสอบเหตุการณ์ 9/11 (The 9/11 Review Commission) ก็ได้ออกรายงานจำนวน 128 หน้าเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา พบว่ามีการเชื่อมโยงกับบุคคลต่างๆหลายคนในเหตุการณ์ 9/11 โดยเฉพาะจากฝั่งซาอุดิอาระเบีย คณะกรรมการทบทวนฯ ได้รับมอบหมายให้ทำการประเมินผลการดำเนินงานของเอฟบีไอตั้งแต่การสอบสวนในครั้งแรกและตรวจสอบว่ามีหลักฐานใดๆบ้างที่เอฟบีไอรับรู้แต่ไม่ได้นำเข้าสู่กระบวนการพิจารณาเหตุการณ์ 9/11 ด้วย
จากรายงานของคณะกรรมการทบทวนฯ ชุดดังกล่าวพบว่า Abdulaziz และ Anoud al-Hijji ได้อาศัยอยู่ในบ้านที่เป็นของ Esam Ghazzawi ซึ่งเป็นพ่อของ Anoud al-Hijji ผู้เป็นหลานของ King Fahd (ครองราช 1982-2005) กษัตริย์องค์ที่ 5 ของซาอุดิอาระเบีย เพียงแค่ 2 สัปดาห์ก่อนจะเกิดเหตุการณ์ 9/11 และหลังจากที่อาศัยอยู่ในบ้านที่เมือง Sarasota รัฐ Florida ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นเวลา 6 ปี ทั้งสองคนได้หนีกลับไปที่ซาอุดิฯ โดยไม่ได้แจ้งให้ใครรู้โดยทิ้งข้าวของเกือบทั้งหมดไว้เบื้องหลัง
รายงานใหม่ของสหรัฐฯบอกว่าเพื่อนบ้านสังเกตเห็นพิรุธบางอย่างจึงได้แจ้งให้ทางเอฟบีไอทราบ ซึ่งพบว่าอย่างน้อย หนึ่งในสมาชิกของครอบครัวนี้ได้โดยสารในเที่ยวบินเดียวกันกับของโรงเรียนในเมือง Venice ในฟลอริด้า ในขณะที่บางคน (ในครอบครัวนี้) อยู่ใน (เที่ยวบิน) ที่มีการไฮแจ็คในการก่อเหตุ 9/11 ด้วย ยังพบว่ามีรายงานเกี่ยวกับรายชื่อผู้โดยสารและรูปภาพที่แสดงให้เห็นว่าผู้ที่จี้เครื่องบินได้เคยไปเยี่ยมชุมชนที่ Anoud al-Hijji อาศัยอยู่ด้วย แต่การตรวจสอบของฝั่งฟลอริด้า ไม่เคยนำข้อมูลดังกล่าวออกมาแสดงต่อสภาคองเกรสหรือรวมเข้าในรายงานคณะกรรมการตรวจสอบเหตุการณ์ 9/11 เลย
ทางเอฟบีไอแจ้งต่อคณะกรรมการทบทวนฯว่าการสื่อสาร (ข้อมูล/หลักฐาน) นั้นเขียนได้แย่มากและไม่มีหลักฐานใดๆยืนยัน คณะกรรมการทบทวนฯกล่าวถึงรายงานต้นฉบับในปี 2002 ของเอฟบีไอที่รายงานถึงการเชื่อมโยงถึงซาอุดิฯ แต่เมื่อถูกถามในเวลาต่อมาโดยเจ้าหน้าที่คนอื่นในเอฟบีไอ เจ้าหน้าที่พิเศษผู้ที่เขียนรายงานดังกล่าว (2002) กลับไม่สามารถให้ข้อมูลใดๆตามเนื้อของรายงานนั้นได้ และไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมเขาถึงเขียนเช่นนั้น
ตลกมะ? อะไรปิดปากเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลกลางคนนั้นไม่ให้พูดหรืออธิบายไม่ได้ว่าทำไมเขาถึงได้เขียนรายงานฉบับแรกในตอนนั้นในลักษณะที่บอกว่าไม่มีหลักฐานการเชื่อมโยงการก่อการร้าย 9/11 กับซาอุดิฯ แต่มาวันนี้สหรัฐฯออกรายงานฉบับใหม่แล้วบอกว่าซาอุดิฯมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการ 9/11 ซึ่งตอนแรกบอกว่าเป็นฝีมือของ Osama Bin Laden หน้ากลุ่มอัลเคด้า (อัลกออิดะฮ์) พอฆ่าบินบาดินตายแล้ว คราวนี้ก็บอกว่าซาอุดิฯมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยซะงั้น ไม่แน่นะต่อไปสหรัฐฯอาจจะฟันธงลงไปอีกว่า ซาอุดิฯอยู่เบื้องหลังของบินลาดิน และ/หรืออยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ 9/11 ก็ได้
ประเด็นที่สื่อฯเขาเล่นนั้นก็คือสงสัยในพฤติกรรมของเอฟบีไอ นี่อาจจะมองได้ว่าเป็นการเมืองภายในของสหรัฐฯเอง นั่นคือสิ่งที่สหรัฐฯต้องการให้สื่อฯทั่วไปนำเสนอ แต่ประเด็นหลักมันอยู่ที่ความเชื่อมโยงกับซาอุดิฯนี้ต่างหากหละ เพราะอะไร? ก็เพราะว่ามันน่าสงสัยที่รายงานฉบับใหม่นี้ดันออกมาในช่วงที่ซาอุดิฯกำลังถล่มเยเมนอยู่นี่นะสิ และออกมาก่อนหน้าที่ UNSC จะมีมติคว่ำบาตรอาวุธเยเมนซะด้วย รายงานใหม่นี้ดำเนินการมาก่อนหน้านี้เป็นปีแล้ว แสดงว่าสหรัฐฯวางแผนนี้ไว้นานแล้ว
มันน่าสงสัยที่จู่ๆ ซาอุดิฯก็ออกหน้าโจมตีเยเมนอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยอ้างแค่มีความชอบธรรมในการโจมตีเยเมนเพื่อทวงอำนาจคืนให้ปธน. Hadi จากกลุ่มฮูติ ทั้งๆที่ฮูติไม่ได้มีความขัดแย้งกับซาอุดิฯถึงขั้นรุนแรงขนาดนั้นเลย นี่ถ้ารัสเซียจะโจมตียูเครนโดยอ้างเหตุผลเดียวกันกับที่ซาอุดิและสหรัฐฯอ้าง คือเพื่อทวงอำนาจคืนให้กับปธน.Viktor Yanukovych ของยูเครนที่ถูกล้มอำนาจแล้วลี้ภัยไปอยู่ที่รัสเซียบ้างสหรัฐฯจะว่าอย่างไรหละนี่?
รายงานฉบับนี้เสมือนเชือกคล้องคอซาอุดิฯที่ทำให้สหรัฐฯสามารถสั่งให้ซ้ายหันขวาหันได้ตามใจชอบ โดยใช้ให้ไปโจมตีเยเมนแทนสหรัฐฯได้อย่างสบาย ถ้าซาอุดิฯกระด้างกระเดื่องต่อคำสั่งของสหรัฐฯ สหรัฐฯก็จะใช้รายงานนี้ยืนยันว่าซาอุดิฯอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ 9/11 แต่ถ้าซาอุดิฯยังทำตัวเชื่องๆว่านอนสอนง่ายอย่างในปัจจุบันนี้สหรัฐฯก็จะยังไม่รับรองผลของรายงานดังกล่าว แต่เมื่อใดที่สถานการณ์สุกงอมหรือสหรัฐฯมองว่าซาอุดิฯหมดประโยชน์แล้ว สภาคองเกรสก็จะให้การรับรองรายงานดังกล่าวเอง เมื่อนั้นแหละราชวงศ์ซาอุดิฯจะมีอนาคตเป็นอย่างไรก็ลองนึกดูเอาละกัน แล้วซาอุดิฯอาจจะกลายเป็นอิรัค2 หรือซีเรีย2 ในเวลาต่อมาก็ได้ ถึงเวลานั้นใครที่จะเป็นกุมบังเหียนของเยเมนและซาอุดิฯตัวจริงก็คงจะนึกภาพออกแล้วนะ ถ้ายังนึกไม่ออกก็ให้ดูที่ยูเครนเป็นตัวอย่าง
The Eyes
17/04/2558
----------
http://sputniknews.com/us/20150414/1020850882.html
http://en.wikipedia.org/wiki/King_of_Saudi_Arabia
http://www.fbi.gov/stats-services/publi ... st-century
http://www.heraldtribune.com/article/20 ... ?p=2&tc=ar
แนบไฟล์
11154649_1656531001233700_1287018579533887284_o.jpg
11154649_1656531001233700_1287018579533887284_o.jpg (58.18 KiB) เปิดดู 397 ครั้ง



ย้อนกลับไปยัง

ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: 1 และ บุคคลทั่วไป 0 ท่าน

cron