https://vk.com/theeyesproject
Facebook Page : Active
https://www.facebook.com/fisont" />

ตะลึงตึงโบ๊ะ! ผลการจัดอันดับโลกภาควิชาคณิตศาตร์และวิทยาศาสตร์ของเด็กนักเรียนอายุ 15 ปีประจำปี 2015 พบว่ากลุ่มประเทศเอ...

ปอกเปลือก ทรราช .
ทันข่าวสาร ทันโลก รับรู้ข่าวสารต่างๆที่สื่อบ้านเราไม่ค่อยได้นำเสนอกัน
เปิดโลกทัศน์ในการรับรู้ข่าวสารจากทั่วทุกมุมโลก ทันข่าว ทันโลก ทันเหตุการณ์ ตีแผ่เรื่องราวทุกๆเรื่องราวที่มีความไม่ชอบมาพากลที่เกิดขึ้นในทุกๆมุมของโลก
https://vk.com/theeyesproject
Facebook Page : Active
https://www.facebook.com/fisont
ภาพประจำตัวสมาชิก
admin
Administrator
Administrator
โพสต์: 13796
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. 21 พ.ค. 2015 12:14 pm
กลุ่ม: ผู้ดูแลระบบ

ตะลึงตึงโบ๊ะ! ผลการจัดอันดับโลกภาควิชาคณิตศาตร์และวิทยาศาสตร์ของเด็กนักเรียนอายุ 15 ปีประจำปี 2015 พบว่ากลุ่มประเทศเอ...

โพสต์โดย admin » พฤหัสฯ. 21 พ.ค. 2015 4:37 pm

ชอบข่าวนี้อ่ะ เห็นตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสได้เขียน เพราะมีข่าวอื่นตัดหน้าตลอด วันนี้ได้ฤกษ์หละ ขอจัดซะหน่อยนะครับ เป็นข่าวดีต้องช่วยกันบอกต่อ เมื่อวันที่ 13 พ.ค.58 ที่ผ่านมาสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า องค์กรเพื่อความร่วมมือและพัฒนาด้านเศรษฐิจ (Organisation for Economic Co-operation and Development) ซึ่งเรียกชื่อย่อว่า "OECD" จัดโปรแกรมการประเมินผลทางการศึกษานานาชาติ (Programme for International Assessment - Pisa) ขึ้นมาในปี 2015 เพื่อทำการประเมินผลการศึกษาในภาควิชาคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ของเด็กนักเรียนม.ต้น (อายุ 15 ปี) จากทั้งหมด 76 ประเทศทั่วโลก ซึ่งไทยก็เป็นหนึ่งประเทศที่เข้าร่วมในโปรแกรมนี้ด้วย
โปรแกรม (หลักสูตร) นี้เป็นการทดสอบเพื่อจัดอันดับโลก และจากผลการสอบแข่งขันกันในการทดสอบครั้งนี้ (ปี 2558) พบว่า เด็กอายุ 15 ปีที่เรียนเก่งที่สุดในวิชาคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ 5 อันดับแรกของโลกได้แก่กลุ่มประเทศในเอเซีย ดังนี้ 1.) สิงคโปร์ 2.) ฮ่องกง 3.) เกาหลีใต้ 4.) ญี่ปุ่น และ 5.) ไต้หวัน ว้าววว! อยู่ในกลุ่มเชื้อสายจีน ญี่ปุ่น เกาหลีเป็นส่วนมากอ่ะ เวียตนามติดอันดับที่ 12 เยอรมันนีได้อันดับที่ 13 อังกฤษได้อันดับที่ 20 ฝรั่งเศสได้อันดับที่ 23 สหรัฐฯได้อันดับที่ 28 รัสเซียได้อันดับที่ 34 ไทยได้อันดับที่ 47 มาเลเซียเพื่อนบ้านเราได้อันดับที่ 52 รองบ๊วยคือแอฟริกาใต้ ส่วนอันดับสุดท้ายคือกาน่า (Ghana)
อ้าว! แล้วจีนหายไปไหน? จีนนั้นเขาได้แชมป์ตั้งแต่ปี 2012 โน่นแล้วได้คะแนนสูงสุดทั้งด้านคณิตศาสตร์ การอ่าน และวิทยาศาสตร์ สงสัยเขาไม่ให้แชมป์ลงแข่งด้วยมั๊ง ถือว่าเป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จใน 3 ภาควิชานี้แล้ว
มาดูสถิติย้อนหลังในปี 2555 (2012) บ้างว่าเป็นอย่างไรบ้าง ในปี 2012 ภายใต้โปรแกรมเดียวกันนี้พบว่าอันดับ 1-5 มีดังนี้ 1.) เซี่ยงไฮ้ไชน่า (จีน) 2.) สิงคโปร์ 3.) ฮ่องกง 4.) ไต้หวัน 5.) เกาหลีใต้ ญี่ปุ่นอยู่อันดับ 7 เยอรมันนีอยู่อันดับที่ 16 เวียตนามอยู่อันดับที่ 17 แสดงว่าปีนี้ (2015) เวียตนามแซงเยอรมันได้ อังกฤษอยู่อันดับที่ 26 ฝรั่งเศสอยู่อันดับที่ 25 สหรัฐฯอยู่อันดับที่ 36 รัสเซียอยู่อันดับที่ 34 (เท่าเดิม) พี่ไทยเราอยู่อันดับที่ 50 รองบ้วยคืออินโดนีเซียได้อันดับที่ 64 และสุดท้ายคือเปรู ได้อันดับที่ 65
จุดที่แอ็ดมินสนใจก็คือการศึกษาของไทยในสองภาควิชานี้เมื่อเทียบกับเวียตนามแล้ว เราตามหลังเวียตนาม โปรอเมริกาบอกว่าระวังนะเดี๋ยวไทยจะเป็นสังคมนิยมโดยไม่รู้ตัว โดยส่วนตัวนั้นแอ็ดมินไม่ได้ให้ความสำคัญหรอกนะว่าจะเป็นระบบไหน แต่มองที่การบริหารจัดการในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนส่วนมากของประเทศอย่างเป็นธรรมและ "มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน" ตามที่ลุงตู่บอกไว้มากกว่า จีนและเวียตนามเป็นสังคมนิยม แต่ผลการเรียนของเด็กนักเรียนทั้งสองประเทศนี้ดีกว่าของสหรัฐฯและชาติมหาอำนาจในยุโรปบางประเทศซะอีก น่าคิดมะ?
ประเด็นที่สอง ผลการศึกษาในปีนี้ของเด็กไทยภายใต้การนำของรัฐบาลคสช. ดีขึ้นกว่าผลการเรียนของเด็กไทยภายใต้การบริหารของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในอดีตซะอีก แม้ว่ารัฐบาลคสช.พึ่งจะเข้ามาบริหารงานได้ไม่นานก็สามารถทำให้การจัดอันดับระดับของเด็กไทยในภาควิชาคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์สูงขึ้นกว่ารัฐบาลที่ผ่านๆมาซะอีก น่าแปลกใจไหม? นี่ถ้ารัฐบาลลุงตู่อยู่ต่ออีกซัก 5-10 ปีนะ รับรองเราต้องติด Top5 แน่ๆ ว่าป๊ะ? พวกเผาไทยอาจจะบอกว่าเอ้ยยยยย... นั่นเป็นเพราะว่าอดีตรมว.ศึกษาธิการบางคนในสมัยก่อนเขายุบโรงเรียนทิ้งไปตั้งหลายแห่งแล้วแจกรถตู้ให้ต่างหากจึงทำให้ผลการเรียนของเด็กไทยดีขึ้น เอ้อ… ก็ว่ากันไปน้อ ฮ่าๆๆ
มาดูอีกข่าวหนึ่งเกี่ยวกับการศึกษาเช่นกัน นี่ก็น่าสนใจอีก เมื่อวานนี้สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่ามหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดกำลังตกเป็นที่วิพากวิจารณ์ว่าเลือกปฏิบัติไม่เป็นธรรมต่อนักศึกษาชาวเอเซีย กลุ่มเครือข่ายองค์ต่างๆจำนวน 64 องค์กรได้กล่าวอ้างงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่านักศึกษาชาวเอเซียที่จะเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดจะต้องทำคะแนนให้สูงกว่านักศึกษาผิวขาวเฉลี่ย 140 คะแนนในภาควิชาสถิติ และต้องทำคะแนนให้ได้สูงกว่านักศึกษาเชื้อสายสเปนและโปรตุเกส (Hispanic students) ถึง 270 แต้ม และให้สูงกว่านักศึกษาชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันถึง 450 แต้ม เพื่อให้มีโอกาสได้เข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดอย่างเท่าเทียมกับคนอื่นๆ การทดสอบมีคะแนนผ่านอยู่ที่ 2,400 คะแนน
มีการออกมาตำหนิทางมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดว่า การศึกษาจำนวนมากได้แสดงให้เห็นว่ามหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดมีพฤติกรรมเลือกปฏิบัติอย่างเป็นระบบและต่อเนื่องสำหรับชาวอเมริกันเชื้อสายเอเซียในการสอบเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย ทางตัวแทนของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดออกมากล่าวแก้ตัวว่า มหาวิทยาลัยได้รักษาความยุติธรรมของตนในกระบวนการรับนักศึกษา (นี่แหละคือคำว่ายุติธรรมแบบอเมริกันสไตล์ฮาร์วาร์ด)
จากการศึกษาพบว่าสถิติการเข้าศึกษาระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้โดยนักศึกษาชาวอเมริกันเชื้อสายเอเซียเพิ่มขึ้นถึง 21 เปอร์เซ็นต์จากเมื่อ 10 ปีที่แล้วซึ่งมีไม่ถึง 18 เปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำ
มาดูอีกตัวเลขหนึ่งที่น่าสนใจเช่นกัน (พบข่าวนี้เมื่อช่วงต้นเดือนนี้เองแต่ไม่ได้ลงให้อ่าน) สำนักข่าว sputnik news รายงานว่าจีนแซงหน้าเม็กซิโกกลายเป็นประเทศที่มีผู้อพยพไปอยู่ในอเมริกามากที่สุด จากข้อมูลผู้อพยพในปี 2013 ที่ได้จากข้อมูลการสำรวจสำมะโนประชากรของชาวอเมริกันซึ่งทำการศึกษาโดย Eric Jensen ที่รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการอพยพระหว่างปี 2000-2013 พบว่าจากยอดผู้อพยพที่เข้ามาอยู่ในสหรัฐฯมีจำนวนทั้งหมด 1,201,000 คน มาจากจีนจำนวน 147,000 คน จากเม็กซิโกจำนวน 129,000 คน และจากอินเดียอีกราว 147,000 คนซึ่งรวมทั้งผู้ที่เกิดในสหรัฐฯและจากครอบครัวของผู้อพยพด้วย
จากการศึกษาพบว่าเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมาตัวเลขผู้อพยพจากเม็กซิโกลดลง ในขณะที่จากจีนและอินเดียเพิ่มขึ้นในสหรัฐฯ นอกจากนี้แล้วยังมีผู้อพยพจากญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และฟิลิปินส์ที่ย้ายเข้าไปอยู่ในสหรัฐฯเพิ่มมากขึ้นด้วย ทั้งไปเพื่อหางานทำและไปเพื่อศึกษาต่อ จากการคาดการณ์ของผู้ศึกษาข้อมูลนี้บอกว่าภายในปี 2044 ที่จะถึงนี้ สหรัฐฯจะไม่มีเชื้อชาติใดเป็นชนกลุ่มใหญ่ แต่จะเต็มไปด้วยชนกลุ่มน้อยมากมายหลายกลุ่มแทน
เมื่อนำเอาตัวเลขจากสถิติเด็กเรียนเก่งด้านคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ทั่วโลกมาดูก็พบว่าเด็กเอเซียเรียนเก่งกว่าเด็นอเมริกันและเก่งกว่าเด็กยุโรปหรือชาติใดๆในโลกในสมัยปัจจุบัน (คนเอเซียภูมิใจตัวเองหรือเปล่า?) ประจวบกับจีนและอินเดียเป็นผู้ส่งออกประชาชนของตนไปตั้งหลักปักฐานอยู่ในอเมริกาสูงกว่าชาติใดๆในโลก นั่นเพราะว่าประชากรของทั้งสองประเทศนี้สูงกว่าประเทศอื่นด้วย จึงทำให้สหรัฐฯรู้สึกเป็นกังวลว่า ถ้าปล่อยไว้อย่างนี้ต่อไป รับรองว่าคนเอเซียครองสหรัฐฯและครองโลกแน่ๆ และต่อไปคนรุ่นใหม่หัวดีเหล่านี้จะก้าวขึ้นไปมีบทบาททั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และธุรกิจต่างๆในสหรัฐฯและทั่วโลกด้วย
ดังนั้นสหรัฐฯจึงพยายามหาทางสกัดคนเอเซียเอาไว้ เช่นเพิ่มมาตรการกีดกันและเลือกปฏิบัติในการรับนักศึกษาจากเอเซียให้โหดกว่าชาติอื่นๆ ในการเข้าศึกต่อมหาวิทยาลัยชั้นนำและมีชื่อเสียงของโลก เห็นตัวเลขแบบนี้แล้วบอกได้เลยว่าอเมริกาต้องเป็นกังวลเกี่ยวเรื่องนี้มากแน่ๆ ช่วยไม่ได้นิก็คนจะเก่งซะอย่าง ยิ่งกีดกันเท่าไร คนเอเซียก็ยิ่งมองว่านั่นเป็นการท้าทายและจะเอาชนะให้ได้ ถ้าทำได้เขาก็ภูมิใจ เพราะว่าเด็กเอเซียทำสามารถทำคะแนนได้สูงกว่าเด็กอเมริกันซะอีก
ป.ล. ดูผลการจัดอันดับทุกประเทศทั่วโลกได้จากลิงค์ด้านล่าง
The Eyes
18/05/2558
----------
http://rt.com/news/258309-osce-global-school-rankings/
http://www.bbc.com/news/business-32608772
http://www.theguardian.com/…/pisa-results-country-best-read…
http://sputniknews.com/us/20150516/1022227644.html
http://sputniknews.com/us/20150505/1021713130.html
http://sputniknews.com/us/20150402/1020345869.html

11140255_1669189203301213_2504150060618425484_n.png
11140255_1669189203301213_2504150060618425484_n.png (110.19 KiB) เปิดดู 504 ครั้ง


11263034_1669189266634540_7064579101725147657_o.jpg
11263034_1669189266634540_7064579101725147657_o.jpg (131.06 KiB) เปิดดู 504 ครั้ง


1425325_1669189246634542_87749891682375133_o.jpg
1425325_1669189246634542_87749891682375133_o.jpg (166.39 KiB) เปิดดู 504 ครั้ง


11013536_1669189196634547_4984683045287185084_n.jpg
11013536_1669189196634547_4984683045287185084_n.jpg (64.34 KiB) เปิดดู 504 ครั้ง


11295887_1669189249967875_3794761201738862536_n.png
11295887_1669189249967875_3794761201738862536_n.png (269.93 KiB) เปิดดู 502 ครั้ง



ย้อนกลับไปยัง

ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: 1 และ บุคคลทั่วไป 0 ท่าน

cron