Thanong Fanclub
ถูกใจเพจแล้ว · 1 พฤษภาคม 2015 · มีการแก้ไข ·
13. นักเสแสร้งผู้ยิ่งใหญ่ (The Great Pretender)
เมื่อธนาคารกลางต้องพิมพ์เงินทำQEเพื่อกอบกู้ระบบการเงินและระบบเศรษฐกิจ ถือว่าได้เลือกที่จะใช้วิธีการนิวเคลียร์ทางการเงิน (nuclear option) ซึ่งเป็นมาตรการด่านสุดท้าย หมดจากนี้ก็ตกเหวกันหมด
นิวเคลียร์ออฟชั่นนี้ช่วยกันยิงสนั่นจนโลกแทบระเบิด เพราะว่าใช้เงินไปแล้ว$10ล้านล้านรวมกัน
ก่อนจะถึงด่านสุดท้ายของนิวเคลียร์ออฟชั่นคือมาตรการทางด้านการคลังของรัฐบาลที่จำต้องสร้างหนี้ด้วยการออกบอนด์มาอุ้มระบบการเงินที่ล้มละลายจากฟองสบู่ทีแตก พอรัฐบาลอุ้มระบบการเงินที่ล้มละลายจนฐานะการคลังของตัวเองล้มละลายไปด้วยแล้ว ธนาคารกลางจะเข้ามาอุ้มต่อด้วยการพิมพ์เงินซื้อบอนด์ของรัฐบาล ภาษาอังกฤษเรียกว่า monetization of government debt
ธนาคารกลางจะmonetizeหนี้รัฐบาลจนตัวเองล้มละลายเหมือนกัน
ยกตัวอย่างธนาคารกลางของสหรัฐฯ หรือUS Federal Reserve ระหว่างปี1914ถึง2007 มีงบดุลจากศูนย์ดอลล่าร์มาอยู่ที่$853,000ล้าน แต่หลังจากวิกฤติวอลล์สตรีทปี2008ที่ทำให้ทรัพย์สินของโลกหายไป$60ล้านล้าน รัฐบาลกลางของสหรัฐฯอุ้มระบบการเงินไม่ไหว เพราะว่ามีหนี้ของเดิมมากอยู่แล้ว ไหนจะBear Stearns, Lehman Brothers, AIG, Fredie Mac & Fannie Mae
เฟดจึงต้องทำNuclear Optionด้วยการพิมพ์เงินเข้าไปซื้อบอนด์รัฐบาลและบอนด์ของแบงค์ พร้อมทั้งกดดอกเบี้ยลงเหลือ0% ทำQEสามรอบทำให้ตอนนี้งบดุลของเฟดอยู่ที่$4.44ล้านล้าน
ผลก็คือหุ้นดาวโจรของสหรัฐฯพุ่งเหมือนดาวหาวผีพุ่งใต้ ดาวโจรฟองสบู่แตก แครชจาก14,000ในเดือนกรกฎาคมปี2007 มาลงถึง7,000ในเดือนมีนาคม2009 ก่อนที่จะพุ่งมาที่18,000เดือนเมษายนที่ผ่านมา
ปรากฎว่าการขึ้นของดาวโจรหรือทรัพย์สินทางการเงินอื่นๆสอดคล้อง (positive correlation)กับการเพิ่มปริมาณเงินผ่านการทำQEของเฟด
ทั้งเฟดและCERNต่างเล่นนิวเคลียร์ออฟชั่นทางการเงินและฟิสิกส์ตามลำดับกันอย่างสนุกสนาน เกรงกันว่าระบบการเงินโลกจะแตกด้วยนิวเคลียร์ออฟชั่นของเฟด และการทดลองยิงอนุภาคของCERNอาจจะก่อให้เกิดแรงระเบิดที่ทำให้โลกแหลกสลายเป็นจุลได้
หลังจากที่เฟดเริ่มใช้นิวเคลียร์ออปชั่นทางการเงินแล้ว อังกฤษเจริญรอบตาม ญี่ปุ่นขอเอาอีก และยุโรปตามมาติดๆ จนกลายเป็นเรื่องปกติ (new normal)ทั้งๆที่ระบบการเงินรอบนี้มาถึงจุดจบแล้ว เพราะว่าแก้ปัญหาไม่ได้เนื่องจากหนี้โลกมากเกินไปอยู่ที่$240ล้านล้าน และปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจไม่สามารถสร้างรายได้ใหม่มาจ่ายหนี้ได้
เมื่อเศรษฐกิจมีปัญหา หนี้มาก นักลงทุนในยุโรปถึงได้กลัวฟองสบู่ตลาดหุ้น กลัวการลงทุนแล้วสูญหมด จึงยอมขาดทุนด้วยการลงทุนในบอนด์ทั้งๆที่แทบไม่ได้ดอกเบี้ย ดันกันไปมาจนดอกเบี้ยติดลบ แต่ยังคงกัดฟันถือบอนด์ที่ดอกเบี้ยติดลบเพื่อรักษาเงินต้น
แต่คนทั่วไปยังไม่รู้ไม่เข้าใจยังดำเนินชีวิตตามปกติ ทั้งๆที่หายนะทางการเงินกำลังจะมา
ทั้งเจ้าหน้าที่ของธนาคารกลางของญี่ปุ่นและเฟดยอมรับว่าการทำQEไม่สามารถจะหวนกลับได้ คือต้องอุ้มทรัพย์สินเน่าๆของรัฐและแบงค์เน่าๆต่อไปธนาคารกลางของญี่ปุ่นและสหรัฐฯไม่สามารถขายทรัพย์สินออกไปเพื่อดึงเงินกลับ เพราะว่าจะทำให้ระบบการเงินที่เปราะบางอยู่แล้วล้มทันทีจากดอกเบี้ยที่จะทะยานสูงขึ้น และสภาพคล่องที่จะตึงตัว (market squeeze)
จึงเสแสร้งพูดหน้าตาเฉยว่ามันเป็นเรื่องปกติไปสำหรับการทำQE ทั้งๆที่QEเป็นเรื่องต้องห้าม หรือtabooของระบบการเงิน
Jim Rickards ผู้แต่งThe Death of Moneyบอกว่า ตลาดการเงินจะไม่ยอมให้เฟดทำQE4 ถ้างบดุลของเฟดเกิน$5ล้านล้าน ความน่าเชื่อถือของเฟดและของดอลล่าร์จะหมดลงไปทันที จะเสแสร้งกันต่อไปว่าไม่มีปัญหาไม่ได้
ในเมื่อพวกบิ๊กๆเล่นนิวเคลียร์ออฟชั่น จีนเลยอยากลองดูมั่ง สหรัฐฯ อังกฤษ ญี่ปุ่นและอียูเป็นพวกเดียวกัน ทำQEประคองกันไปได้ เพราะว่าคุมระบบการเงินโลกไป80กว่า% ถ้าหากจีนกระโดดเข้าเล่นเกมนิวเคลียร์ออปชั่นด้วยการทำQE สภาพคล่องยิ่งล้นระบบโลก เพราะว่าประเทศเล็กน้อยใหญ่ต้องเล่นตามเกมไม่งั้นอยู่ไม่ได้ ค่าเงินแข็ง ขายของไม่ออก เอกชนกดดัน
จากเกมนิวเคลียร์ออปชั่นกลายเป็นรัสเซี่ยนรูเล็ตไปเลย ไม่รู้ว่าใครจะโป้ง!!!ตายก่อน หรือระบบการเงินของใครจะระเบิดออกมาก่อนจากฟองสบู่การเงินนิวเคลียร์ วัดดวงกัน
ความจริงแล้วต้องล้างหนี้ แล้วนับ1ใหม่ IMFก็ได้แนะนำแล้วให้ยึดเงินฝากเพื่อชดใช้ค่าเสียหายฐานะการคลังจากรัฐและแบงค์
ตอนนี้เขารอจังหวะอยู่ ประชาชนโดนปล้นเงินฝากแน่ๆ แล้วเปลี่ยนเงินกระดาษเป็นเงินดิจิตัลเพื่อง่ายในการควบคุมและรักษาฐานอำนาจทางการเงินของพวกอิลิทต่อไป
ไปๆมาๆจะมาลงที่One World Currencyหรือไม่ หนังดีต้องดูตอนจบ
thanong
1/5/2015
http://www.bestmindsinc.com/documents/B ... l24.15.pdf
https://www.facebook.com/ThanongFanclub ... =1&theater